วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

WEB 3.0

Web 3.0 นั้น จะมีลักษณะการสร้าง Web ที่มีความฉลาด (intelligence) ซึ่งเป็นผลมาจากการนาsemantic Web technology มาประยุกต์ใช้งาน ซึ่งในที่สุดก็น่าจะทาให้เทคโนโลยี ubiquitous (การมีตัวตนอยู่ทุกหนทุกแห่ง) กลายเป็นจริงได้โดยง่ายและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ยุค Web 3.0 กาลังจะเข้ามามีอิทธิพล เป็นการนาแนวคิดของ Web 2.0 มาทาให้ Web นั้นสามารถ จัดการข้อมูลจานวนมากๆ ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งทุกวันนี้ผู้ใช้ทั่วไปที่เป็นผู้สร้างเนื้อหา ได้เพิ่มจานวนมากขึ้น เช่น การเขียน Blog, การแชร์รูปภาพและไฟล์มัลติมีเดียต่างๆ ทาให้ข้อมูลมีจานวนมหาศาล ด้วยเหตุนี้ จึงจาเป็นต้องมีความสามารถในการข้อมูลดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเอาข้อมูลเหล่านั้นมาจัดการ ให้อยู่ในรูปแบบ Metadata หรือ ข้อมูลที่บอกรายละเอียดของข้อมูล (Data about data) ทาให้เว็บ กลายเป็น Semantic Web หรือเว็บที่ใช้ Metadata มาอธิบายสิ่งต่างๆ บนเว็บ ซึ่งในตอนนี้จะเห็นกัน ทั่วไปในรูปของ Tag นั่นเองถ้าจะกล่าวอีกนัยหนึ่งSemantic Web คือ การรวมควบรวมกันของฐานข้อมูล แบบอัตโนมัติโดยใช้การคาดเดา และหลักทางคณิตศาสตร์เข้ามาช่วย ซึ่งผลลัพธ์ของ Application ที่ สร้างขึ้นบน Semantic Web จะถูกส่งไปยังอินเทอร์เน็ต และส่งต่อไปยัง Web Browser เช่น Internet Explorer, Firefox เป็นต้น โดยเว็บเบราว์เซอร์ อาจจะถูกฝังตัวอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ ตู้เย็นโทรทัศน์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งอุปกรณ์ที่ถูกฝังเว็บเบราว์เซอร์ ไว้ในตัวนั้นส่วนใหญ่จะสามารถ เชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ตได้
เทคโนโลยีสาหรับยุค Web 3.0

จากคุณลักษณะในเรื่องความฉลาดสาหรับการบริหารจัดการข้อมูล จึงทาให้ Web 3.0 เป็น การนาเทคโนโลยี Semantic Web และ AI มาผสมผสานกันซึ่งมีลักษณะเด่นดังต่อไปนี้ Semantic Web เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ทั้งที่อยู่ในเว็บของผู้พัฒนาและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ให้มี ความสัมพันธ์กัน ซึ่งทาให้ฐานข้อมูลมีขนาดใหญ่มากๆ หรืออาจจะทาให้เกิดฐานข้อมูลโลก (Global Database) เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าจะเข้าไปมีส่วนให้การพัฒนาเว็บให้เป็น Web 3.0 นั้น มี ดังนี้
1. AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ เป็นการสร้างความฉลาดให้ระบบ คอมพิวเตอร์ ทาให้สามารถคาดเดาพฤติกรรม และวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้งานเว็บ ช่วยใน การค้นหาข้อมูลซึ่งมีจานวนมาก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด โดยให้ AI มาช่วยในการสร้าง tag เพิ่มเติมจากที่ให้เจ้าของ content สร้าง tag เอง ซึ่งลักษณะเหมือนกับตัว spider ของ Search engine ยังไงก็ไม่รู้ ซึ่งจะทาให้สามารถค้นหาข้อมูลที่ตรงกับสิ่งที่ต้องการได้มายิ่งขึ้น นอกจากเทคโนโลยี Semantic Web และ AI แล้ว ยังมีการพัฒนาเว็บในยุค Web 3.0 โดยใช้ เทคโนโลยีอื่นๆ ได้แก่
 2. Automated reasoning การเขียนโปรแกรมให้ระบบคอมพิวเตอร์รู้จักการแก้ปัญหาเอง มีการประมวลผลได้อย่างสมเหตุสมผล พร้อมทั้งแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า อีกทั้งปรับปรุงระบบ เองได้โดยอัตโนมัติ เป็นระบบสมองกล ที่นิยายวิทยาศาสตร์มักจะนาไปใส่ไว้ในหุ่นยนต์ โดยเจ้า AI จะสามารถคาดเดาผู้ใช้งานได้ว่ากาลังค้นหา หรือคิดอะไรอยู่ เป็นการผสมผสาน Application หรือ โปรแกรม หรือบริการต่างๆ ของเว็บ ที่มาจากแหล่งต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้งาน
3. Ontology หรือ OWL เป็นภาษาที่ใช้ในการอธิบายสิ่งต่างๆ ให้มีความสัมพันธ์กัน โดยดู จากความหมายของสิ่งนั้นๆ ซึ่งก็จะเชื่อมโยงกับระบบ Metadata คือภาษาที่ใช้เป็นตัวอธิบายข้อมูล เชิงสัมพันธ์ (Data about Data) หรือ “ข้อมูลที่ใช้อธิบายความหมายหรือรายละเอียดของข้อมูล(METADATA)” หรือ Tags นั่นเอง ทาให้สามารถรู้และทาการค้นหาข้อมูลในเชิงความหมายจาก Ontology นอกเหนือจากการค้นจาก ข้อความบนหน้าเพจ
4. Semantic Wiki เป็นการอธิบายคาๆ หนึ่ง คล้ายกับดิกชันนารีนั้นเอง ดังนั้นถ้า Web 3.0 เป็น Wiki ด้วยแล้วนั้น จะทาให้เราสามารถหา ความหมาย หรือข้อมูลต่างๆ ได้ละเอียด และ แม่นยามากขึ้น เมื่อข้อมูลมันมีมาก คนเขียนบล็อกก็มีเยอะ ทาให้เนื้อหามีมากมายขึ้นทุกที จนบางที ก็ไม่รู้ว่าจะค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ด้วยคีย์เวิร์ดอะไร ดังนั้นถ้าใช้คาค้นหา แบบกว้างๆ แต่กาจัดวง แคบๆให้เราได้ก็คงเป็นผลดีการค้นหาแบบข้อมูลซ้อนข้อมูลหรือใช้การค้นหาหลาย ทิศทาง (Vertical Search) ผสมกับความเป็นส่วนตัวเข้าช่วย (Personalize) จะสามารถโฟกัสข้อมูลลงไปได้ หรืออีกหลายเทคโนโลยีซึ่งสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความ "12 เทคโนโลยี (ไม่) พร้อมใช้ใน Web 3.0"
5. Semantic Web เป็นระบบที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ทั้งที่อยู่ในเว็บของผู้พัฒนาและ แหล่งข้อมูลอื่นๆ ให้มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งจะทาให้ระบบฐานข้อมูลมีขนาดใหญ่มากๆ หรืออาจทา ให้เกิดฐานข้อมูลโลก (Global Database) ไปเลยก็ได้ ซึ่งจะมีการพูดถึงการ Share Data, Service ต่างๆ เข้าด้วยกัน และเป็นแนวคิดที่มีการนามาใช้งานในลักษณะของ partner และการต่อยอดกับ public ต่อไป
ดังนั้น Web 3.0 คือเทคโนโลยีหรือแนวความคิดที่จะ เชื่อมโยงข้อมูลใน web ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันทั้งภายใน web หรือภายในเครือข่ายของโลก ซึ่งมองไปแล้วมันก็คือ Database ของโลกเลย แต่ก็เป็นแนวคิดที่จะทาให้หาข้อมูล ที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็จะมี format ข้อมูลในการติดต่อสื่อสารกัน แต่ก็ based-on XML เช่นพวก RDF (Resource Definition Framework), OWL(Ontology Web Language) ยุคของเว็บ 3.0 นี้เองที่มีความฉลาดล้าหน้าไปอย่างมาก และความฉลาดของมันนี่เองจะนาซึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และท้าทายเหล่าผู้พัฒนาเว็บไซต์และผู้ใช้มีจัดทาเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต

The Future Internet: Service Web 3.0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น