วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

MAC vs PC

Web Technology in Education.

WEB 1.0 in Education


1. webquests ให้นักเรียนใช้เวลาในเว็บในคือการค้นหาคำตอบสำหรับคำสั่งกิจกรรมที่ตั้งไว้
ทำกิจกรรมเกี่ยวหรือเป็นกลุ่มแบบเรียนรู้ร่วมกันได้
2. Quizzes แบบทดสอบปริศนาและเกม สร้างความสนุกสนาน,แบบทดสอบย่อย
3.  Sims ประยุกต์ใช้การสอน , แบบจำลองเพื่อความเข้าใจในเนือ้หาการเรียน

4.พจนานุกรมและสารานุกรมออนไลน์ ประยุกต์ใช้การสอน,เพื่อการค้นคว้าในการเรียนเพิ่มเติม

5. E-mail สร้างการสื่อสารระหว่างผู้เรียนและผู้สอน  , ประหยัดค่าใช้จ่ายในการสื่อสาร
   จะเห็นได้ว่าใน WEB 1.0 จะเน้นการนำมาพาใช้เพื่อให้ผุ้เรียนเข้าถึงเนื้อหาในการเรียน เพื่อการค้นคว้า การศึกษา การทบทวน การทำแบบทดสอบ และการสื่อสาร เพื่อเสริมประสิทธิภาพการเรียนมากขึ้น

WEB 2.0 in Education 

1. Blog การทำโครงงาน , การทำรายงาน , การเสนอผลงานวิจัย

2. Wiki การประชุมแสดงความคิดเห็น , การสร้างองค์ความรู้ใหม่
3.  Game Online สร้างความสนุกสนาน , ประยุกต์ใช้การสอน , การเรียนการสอนแบบทดลอง

4. RSS Feeds การติดตามข่าวสารจากผู้เรียนและผู้สอน , กำหนดการของมหาวิทยาลัย

5. Video ทำบทเรียนย้อนหลัง , เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้

6.  Webboard ฝึกการต้องข้อสงสัย การสังเกต และการแสดงความคิดเห็น

7.  Chat สร้างการสื่อสารสองทางระหว่างผู้เรียนและผู้สอน  , ประหยัดค่าใช้จ่ายในการสื่อสาร

WEB 3.0 in Education

1. chatbots บทสนทนาอัจริยะเพื่อการให้ข้อมูล การแนะนำการเรียน การโต้ตอบกับผุ้เรียน

2. Virtual worlds ประยุกต์ใช้การสอนเพื่อการเรียนในชั้นเรียนเสมือน ทั้งการเรียน การทำกิจกรรม

3. M-learning การเข้าเรียนในระบบ

4.e-portfolios การทำแฟ้มงานส่วนตัว

5. VoIP สร้างการสื่อสารระหว่างผู้เรียนและผู้สอน 
ในขณะที่เว็บ 1.0 มุ่งเน้นข้อมูลเว็บและเว็บ 2.0 หมายถึงเว็บสังคม, เว็บระยะ 3.0 หมายถึงวิวัฒนาการของเว็บ ในรูปแบบ
เว็บเชิงความหมายหรือที่เรียกว่าเว็บอัจฉริยะ  การนำมาใช้ในการศึกษาจะเป็นในลักษณะห้องเรียนเสมือนมีการเรียนการสอนในชั้นเรียนเสมือนอย่างเต็มเวลามากขึ้น

WEB 4.0 future

จากแนวทางในการพัฒนาของเทคโนโลยีเวบ แสดงให้เห็นว่ามีการดึงข้อมูลในส่วนของ metadata มาวิเคราะห์เพื่อกาหนดการทำงานของ web osในอนาคต มากขึ้น โดยจะมีความสามารถดังนี้
1. มีการสร้างเงื่อนไขในการเข้าถึงบทเรียนที่แตกต่างกัน ทาให้ผู้เรียนที่มีพื้นฐานการเรียนต่างกันสามารถเรียนร่วมกันได้

2.ระบบช่วยตัดสินใจ ระบบช่วยแนะแนวทางให้แก่ผู้สอนในการวิเคราะห์ผู้เรียนด้วยเงื่อนไขที่ซับซ้อนขึ้น

3.ระบบแนะนาการเรียน ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ให้กับผู้เรียน

4.มีระบบการสื่อสาร การปฏิสัมพันธ์ในการเรียนที่สะดวก รวดเร็ว หลากหลาย เข้ากับพฤติกรรมในการใช้งานของผู้เรียนมากขึ้น

web technology in education


วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

WEB 4.0 the future web technology.


Web 4.0 นั้น ตอบสนองความต้องการในการใช้เว็บที่แสนจะหลากหลายของผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งเทคโนโลยีนี้เรียกว่า Intelligent Personal Agents (IPA) ซึ่งหลายท่านกล่าวไว้ว่า..คอมพิวเตอร์อาจรู้เท่าทันคน เทคโนโลยีเว็บ 4.0 เป็นลักษณะที่เรียกกันว่า"symbiotic Web"คือเป็นเวบที่มีการเอื้อประโยชน์แก่ผู้พัฒนาและผู้ใช้ทั้งสองฝ่าย กล่าวคือผู้ใช้ได้รับความสะดวก สามารถโต้ตอบ แนะนาผู้ใช้ได้ ทาให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ต้องการอย่างถูกต้อง ในเวลาที่รวดเร็ว ผู้พัฒนาสามารถติดตามการเข้าถึงข้อมูลส่วนต่างๆของผู้ใช้เพื่อนามาวิเคราะห์และการตัดสินใจโดยมีการใช้เงื่อนไขที่ซับซ้อนขึ้น

 เนื่องจาก Web 4.0 มีการพัฒนามาจากการจัดการ metadata ในweb3.0 ที่ซับซ้อนขึ้น ทาให้เราสามารถสร้างส่วนติดต่อที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มี ปัญญาประดิษฐ์มากขึ้น จนทาให้พัฒนาไปถึงขั้นwebOS – ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถปรับตัวให้เข้ากับการใช้งานของผู้ใช้ Web 4.0 จะทาให้สามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้มากขึ้น และหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดยหัวใจของ Web 4.0 ก็คือ Adaptable หรือความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้ใช้ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกและได้รับข้อมูลที่พวกเขาต้องการมากที่สุด โดยประยุกต์ใช้รูปแบบพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นตัวค้นหา อีกทั้งยังเป็นเว็บที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองว่าผู้บริโภคชอบไม่ชอบ อะไรในเว็บ หากชอบฟังค์ชันการทางานนั้นก็จะปรับตัวให้ดียิ่งขึ้นและสร้างความเกี่ยวพัน กับการใช้งานของผู้บริโภคมากขึ้น Wed 4.0 คือ Learning Web โลกของการเรียนรู้บนสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น กับเทคโนโลยีที่ก้าวไปพร้อมกัน Web 4.0 นั้นมันจะเรียนรู้ได้ด้วยตัวมันเองและพัฒนาจาก Web 3.0 ให้มีมากกว่า การสื่อสาร การคิดวิเคราะห์ได้ด้วยตรรกวิทยา โครงสร้างของการศึกษาการดารงอยู่ของมนุษย์ เป็นยุคของ Web ที่มีการพัฒนาให้สามารถตัดสินใจหรือหาคาตอบให้กับผู้ใช้งานได้อันเนื่องมา จากความทันสมัยของเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทีใช้ในการเข้าถึง Website และความฉลาดของ Web 3.0 ที่นามาใช้งานร่วมกัน Web 4.0 เป็นระบบการนาเสนอข้อมูลที่ชาญฉลาดที่เรียกว่า Intelligent Personal Agents (IPA) ประสานการทางานระหว่างกันกับ Agents อื่น (Multi-Agents) ซึ่งจะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างหลากหลายและมีคุณภาพ ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดขึ้นจริงราวปี 2563-73 หรือ อีกอย่างน้อยสิบปีข้างหน้า ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น แนวคิดข้อมูลคุณภาพทุกหนทุกแห่ง (ubiquitous) คงเกิดขึ้นได้จริง ๆ แล้ว ความสามารถของ Web 4.0
1. More access to data (สามารถเข้าถึง data ได้มากขึ้น)
1.1 Access to more products เข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้หลายตัวมากขึ้น อย่างเช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ
อุปกรณ์การกีฬา
1.2 Accesss to more images เข้าถึงรูปภาพได้มากขึ้น
1.3 All customer reviews สามารถดึงคาติชมของลูกค้าทุกคน
1.4 More product attributes สามารถเข้าถึงข้อมูลของสินค้ามากขึ้น
2. Extended cabilities มีความสามารถมากขึ้น 2.1 Extended Search functionality ค้นหาข้อมูลด้วยรายละเอียดมากขึ้น 2.2 Save for Later remote shopping cart เลือกสินค้าโดยที่ไม่ใส่ตะกร้าได้ 2.3 Wish list search สามารถค้นหาสินค้าในรายการที่ผู้อื่นต้องการ
3. Improved usability 3.1 More documentation and code samples มีคู่มือการใช้และโปรแกรมตัวอย่างมากขึ้น 3.2 Localized error messages. New error messages include very specific information about errors
in your requests and provide troubleshooting guideliens error messages มีข้อมูลมากขึ้นที่
บอกถึงความผิดพลาดและช่วยบอกถึงวิธีแก้ 3.3 Built-in help functionality ทาให้ผู้พัฒนาสามารถเข้าถึง API ได้ง่าย ช่วยในการเรียนรู้และการนำไปใช้
เปรียบเทียบ WEB 1.0 , 2.0 และ 3.0